ด้วยสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ทำให้การเลี้ยงดูบุตรถือเป็นภาระใหญ่หลวงของหลายๆครอบครัว ดังนั้นท่านที่ต้องการจะมีบุตร ต้องมั่นใจแล้วว่าเราพร้อมจะแบกรับภาระนี้่่ เมื่อแน่ใจในด้านการเงินแล้วด้านสุขภาพล่ะคุณพร้อมหรือยัง? คู่สามีภรรยาสามารถเตรียมความพร้อมอย่างมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการวางแผนการตั้งครรภ์กับแพทย์ โดยแพทย์อาจมีขั้นตอนการพูดคุยและให้คำแนะนำต่อไปนี้
สอบถามถึงประวัติด้านสุขภาพ
การใช้ยา และโรคประจำตัวที่อาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โลหิตจาง โรคหอบหืด หัวใจ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงปัญหาสุขภาพทางจิต โดยการเจ็บป่วยจากภาวะใด ๆ ควรต้องได้รับการรักษาหรือควบคุมอาการของโรคก่อนการตั้งครรภ์
อาจสอบถามถึงสุขภาพของบุคคลในครอบครัวเกี่ยวกับประวัติการป่วยด้วยภาวะที่มีความเสี่ยงทางพันธุกรรม ซึ่งจะสามารถถ่ายทอดมายังทารกในครรภ์ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ลมชัก ความผิดปกติทางพัฒนาการ หรือการมีลูกแฝด เป็นต้น
หากเคยตั้งครรภ์มาก่อนควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงการตั้งครรภ์ในอดีตว่ามีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ เกิดขึ้นหรือไม่ เพื่อที่แพทย์จะได้พิจารณาความเสี่ยงและแนะนำแนวทางป้องกันเพื่อสุขภาพครรภ์ที่แข็งแรงสมบูรณ์
ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นกลุ่มโรคที่ควรตรวจก่อนตั้งครรภ์ เช่น การตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี และการตรวจซิฟิลิส เนื่องจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคสามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์หรือมีผลต่อการตั้งครรภ์ในอนาคต อย่างโรคหนองในเทียมที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการท้องนอกมดลูก นำไปสู่การติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานและเกิดภาวะมีบุตรยากในที่สุด
รับการตรวจอื่น ๆ ที่สำคัญและจำเป็นในการตรวจหาโรคที่อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ ได้แก่ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก การตรวจเต้านมหากอายุมากกว่า 35 ปี การตรวจเลือด ตรวจภูมิคุ้มกันโรคหัดและหัดเยอรมัน ตรวจภูมิคุ้มกันโรคอีสุกอีใส และหากตรวจพบว่าไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรคชนิดนั้น ๆ ก็ควรรับการฉีดวัคซีนให้เรียบร้อย
รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้ลูกน้อย ก่อนตั้งครรภ์ ระหว่างตั้งครรภ์ หรือหลังจากตั้งครรภ์ แพทย์จะแนะนำให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคบางชนิด โดยวัคซีนที่ควรฉีดก่อนการตั้งครรภ์ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคหัด โรคหัดเยอรมัน และโรคอีสุกอีใส ซึ่งการฉีดวัคซีนบางชนิดอาจต้องรอถึง 6 เดือนจึงจะเริ่มพยายามมีบุตรได้
ตรวจสุขภาพฟัน การมีฟันผุและเหงือกติดเชื้อสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวอ่อนได้ หญิงที่วางแผนตั้งครรภ์ควรรับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันก่อนหน้าประมาณ 5 เดือนเพื่อเผื่อเวลาในการรักษาฟันที่มีปัญหาด้วย
เลิกพฤติกรรมเสี่ยงเพื่อลูกน้อย พฤติกรรมเสี่ยงของตัวคุณแม่ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์สามารถส่งผลให้ทารกได้รับอันตรายหรือโอกาสในการตั้งครรภ์ลดน้อยลง สิ่งที่พึงหลีกเลี่ยงมีดังนี้
1.การสูบบุหรี่ สมาคมโรคปอดแห่งสหรัฐอเมริกาเผยว่าการสูบบุหรี่ระหว่างตั้งครรภ์จะส่งผลให้ทารกแรกเกิดร้อยละ 20-30 มีน้ำหนักตัวน้อย มีโอกาสเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดถึงร้อยละ 14 และประมาณร้อยละ 10 ของทารกเสียชีวิตเนื่องจากแม่ที่ตั้งครรภ์สูบบุหรี่ นอกจากนี้ยังเสี่ยงต่อการแท้งบุตรและมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจหรือหายใจเสียงดังวี้ดในช่วง 6 เดือนแรกที่คลอดอกมา
2.การดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะปริมาณมากน้อยเพียงใดก็เป็นอันตรายต่อลูกน้อย และอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนระยะยาวตามมา
3.การใช้ยาเสพติด เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นการแท้งบุตร ทารกมีน้ำหนักตัวน้อย คลอดก่อนกำหนด พัฒนาการล่าช้า และการมีปัญหาด้านพฤติกรรมและการเรียนรู้
4.การได้รับสารเคมีอันตรายบางชนิดที่สามารถส่งผ่านไปยังทารกในครรภ์ ส่งผลให้เกิดความผิดปกติด้านพัฒนาการของทารกตามมา จึงควรหลีกเลี่ยงการได้รับสารเคมีอันตรายหรือสารพิษทั้งหลาย เช่น สารเคมีสังเคราะห์ สารผสมโลหะ ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง รวมถึงมูลสัตว์อย่างหนูและแมว
5.ความเครียด เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประจำเดือนมาช้าหรือไม่ปกติ การคำนวนระยะไข่ตกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ก็ทำได้ยากตามไปด้วย หญิงที่ต้องการตั้งครรภ์จึงควรมีวิธีจัดการกับความเครียด เช่น ออกกำลังกาย เล่นโยคะ หรือทำงานอดิเรก เป็นต้น
6.การใช้สมุนไพรต่าง ๆ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าจะมีผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ในอนาคตหรือไม่
การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน การได้รับคาเฟอีนในปริมาณมากอาจเป็นสาเหตุของการปฏิสนธิล่าช้า และอาจเสี่ยงต่อการแท้งบุตรหากบริโภคเกินวันละ 200 มิลลิกรัม
เตรียมร่างกายให้พร้อมโดย
-รับประทานอาหารที่มีสารอาหารในสัดส่วนที่เหมาะสม
-ดื่มน้ำให้เพียงพอ
-ออกกำลังกายควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร
-ดูแลสุขภาพจิต สุขภาพจิตซึ่งเป็นเรื่องของความคิด ความรู้สึก และควบคุมการดำเนินชีวิตในแต่ละวันเป็นอีกสิ่งสำคัญ การรู้สึกดีและเห็นคุณค่าของชีวิตตนเองนั้นบ่งบอกถึงการมีสุขภาพจิตที่ดี เพราะแม้จะเกิดความเศร้า กังวล หรือเครียดได้ในบางครั้ง แต่ก็ต้องมีวิธีกำจัดความรู้สึกให้หายไป ผู้ที่มีความรู้สึกแย่ ๆ อย่างต่อเนื่องจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันนั้นควรพูดคุยปรึกษากับแพทย์และรักษาให้หายเสียก่อนที่จะพยายามตั้งครรภ์ เพราะสุขภาพจิตถือว่าสำคัญพอ ๆ กับสุขภาพกายเลยทีเดียว
ที่สำคัญคุณต้องการหยุดรับประทานยาคุม ผู้ที่เคยรับประทานยาคุมกำเนิดมาก่อนที่จะพยายามเริ่มมีบุตรนั้นอาจตั้งครรภ์ได้ทันที หรืออาจใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนจึงจะเริ่มมีการตกไข่เป็นปกติอีกครั้ง ทั้งนี้การตั้งครรภ์ทันทีหลังหยุดยาคุมจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ แต่การหยุดรับประทานยาคุมกำเนิดล่วงหน้าก็มีส่วนช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้นและทำให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ง่ายขึ้น